เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่มวัดนางใน
|
|||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||
ส่งข้อความ
|
|||||||||||||||||
ชื่อร้านค้า
|
ตู่ สาละวิน | ||||||||||||||||
โดย
|
vanglanna | ||||||||||||||||
ประเภทพระเครื่อง
|
เครื่องราง | ||||||||||||||||
ชื่อพระ
|
เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่มวัดนางใน |
||||||||||||||||
รายละเอียด
|
เบี้ยแก้ของพ่อนุ่ม วัดนางใน ชิ้นนี้ เลี่ยมเงินโบราณมา สภาพงาม ครับ.. สูงวัดรวมห่วง 4.5 ซม ได้ ,กว้างราว 3 ซม. การสร้างวัตถุมงคลประเภทเบี้ยแก้ของท่านนั้น .. เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปีพ.ศ.ใดนั้น ไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ แต่จากการคาดคะเน หลวงพ่อนุ่ม ได้รับอาราธนามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดนางในธัมมิการาม นำโดยนายเผ่า ชัชวาลยางกูร คณบดี และเป็นเจ้าของตลาดสดในอำเภอวิเศษชัยชาญ ตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๓ และได้เป็นพระอุปัชฌาย์ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ จึงมีการคาดกันว่าหลวงพ่อนุ่ม ท่านน่าจะเริ่มสร้างเบี้ยแก้ ให้แก่ญาติโยม เป็นการเฉลิมฉลอง ไม่ปีใดก็ปีหนึ่งในปีนั้นๆ ที่เอ่ยมา และเท่าที่พบเห็นเล่นหาเป็นสากล เบี้ยของท่านจะเป็นเบี้ยเปลือยไม่มีการถักเชือกแต่อย่างใด ส่วนการเลี่ยมจับขอบไม่ว่าจะด้วยเนื้อทองคำ เงิน นาค นั้น แล้วแต่ลูกศิษย์ที่ได้รับจะนำไปเลี่ยมกันเอง ไม่ได้เลี่ยมจากทางวัดอย่างที่บางท่านเข้าใจกัน ซึ่งร้านที่มักนิยมนำเบี้ยไปเลี่ยมกันนั้นก็เป็นร้านเดียวกันกับลูกศิษย์ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ และ หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ นำไปเลี่ยมกันเป็นร้านทองในตลาดวิเศษชัยชาญ ฉะนั้น ลักษณะการเลี่ยมเบี้ยแก้ของทั้งสามสำนักนี้จึงมีลักษณะคล้ายกัน เพราะเลี่ยมร้านเดียวกันนั่นเอง จึงเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควรในการจะแบ่งแยก และพิจารณา สำหรับท่านที่ไม่มีความชำนาญ แต่มักมีข้อเปรียบเทียบง่ายๆ อยู่ว่าเบี้ยแก้ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ มักจะตัวใหญ่กว่าของหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ และหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน แต่ก็ใช่ว่าจะทุกลูกเสมอไป แต่ก็สังเกตได้แน่ๆว่า เบี้ยลูกนี้เป็นของหลวงพ่ออะไรก็คือ จุดที่ใช้เป็นจุดสังเกตว่า เบี้ยลูกนี้เป็นของหลวงพ่ออะไร ก็ให้สังเกตจากการปิดท้องเบี้ยภายหลังบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ยแล้วจะปิดทับด้วยชันโรง ของหลวงพ่อนุ่ม จะวางแปะแผ่นตะกรุดเนื้อตะกั่ว แล้วปิดทับด้วยชันโรงทับอีกชั้นหนึ่ง ปิดแผ่นตะกรุดตะกั่วไว้ด้านใน, ซึ่งต่างจากหลวงพ่อภักตร์ ที่ใช้ตะกรุดเนื้อตะกั่วชินเงิน, แต่ถ้าวางแปะด้วยแผ่นตะกรุดเนื้อทองแดง จะเป็นของหลวงพ่อคำ และที่สำคัญมากๆ คือ เสียงของปรอทของหลวงพ่อคำ จะแตกต่างจากของหลวงพ่อภักตร์ และหลวงพ่อนุ่ม โดยสิ้นเชิง คือ เสียงปรอทของหลวงพ่อภักตร์ และหลวงพ่อนุ่ม เมื่อเขย่าดูจะมีเสียงดังขลุกๆ แต่ของหลวงพ่อคำจะเสียงดังแซกๆ คล้ายกับเสียงของเม็ดปรอททรายวิ่งอยู่ภายใน นับเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเบี้ยแก้สำนักนี้ที่สามารถใช้เป็นจุดตายได้อย่างชัดเจน ในกรณีที่ตัวเบี้ยมีการเลี่ยมหุ้มทำให้มองไม่เห็นการวางตะกรุด และร้านที่เลี่ยมก็ตอกชื่อเดียวกันทำให้งงๆๆ และงง กันมานักต่อนักแล้ว เพราะลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งสามท่านเอาเบี้ยไปเลี่ยมในตลาด อ.วิเศษชัยชาญที่ร้านเดียวกัน. ความสำคัญของเบี้ยแก้ เบี้ยแก้ตัวนี้สำคัญนัก พ่อค้าแม่ขายจักหมั่นไหว้บูชา จะไต่เต้าเจ้าสัวแสนทะนาน ลาภเต็มห้องทองเต็มไห ขุนนางใดมีไว้ในตัวดีนักแล จักให้คุณเป็นถึงท้าวเจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินสิ่งของเต็มวัง อีกช้างม้าวัวควายนับได้หลายเหลือ หลวงปู่เฒ่าเจ้าสั่งสิ่งอาถรรพณ์ อาเพศอัปมงคลทุกข์ภัยพิบัติ ทั้งยาสั่งให้อันตรธานสิ้นไป ศัตรูปองร้ายให้พ่ายแพ้ภัยตัว ขึ้นโรงขึ้นศาลชนะปลอดคดีความ สิงสาราสัตว์สารพัดร้าย ปืนผาหน้าไม้ผีป่าปอบ และผีโป่ง ทั้งแขยง มิกล้ากล้ำกราย หากมีเหตุเพศภัยอันตรายจะบอกกล่าวเตือนว่าจงอย่าไป แลฯลฯ เบี้ยแก้เป็นอิทธิวัตถุชั้นหนึ่ง เตือนใจให้สะดุ้งกลัวภัยที่มองไม่เห็นตัว หากบุคคลใดมีไว้เป็นสมบัติ นำติดตัวโดยคาดไว้กับเอว หรือโดยประการอื่นใด ย่อมปกป้องภยันตราย ป้องกัน อัตวินิบาตกรรม แก้ภาพหลอน จิตหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวท ทำให้มัวเมา ขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวง อุปัทวเหตุอันตราย อุบาทว์ภัยทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้ แก้บาทพิษ บาดทะยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ซางชัก รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลงในคุณพระศรีรัตนตรัย ใช้ได้แล เมื่อเข้าศึกสงคราม ให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เกาะกินเลือด ทั้งวัว ทั้งควาย ช้างม้า ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดี มิต้องกายมาขบกัดเลยแล เบี้ยแก้ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นที่ยอมรับ ทั้งอิทธิฤทธิ์ และคุณค่า ในการเสาะแสวงหานั้น มีมากมาย แต่ที่นำมาเสนอในบทความนี้ ล้วนเป็นเบี้ยแก้ของคณาจารย์ผู้ทรงคุณ สร้างเสกเบี้ยแก้ให้เรืองอานุภาพ เป็นที่ศรัทธาประจักษ์ต่อศักดา และพลานุภาพแห่งการปกป้อง แก้ไข สิ่งเลวร้าย มิให้กล้ำกลายฉมังนัก จนเป็นที่ใฝ่หาของผู้ศรัทธาสะสม คาถาเสกเบี้ยแก้ ตั้งนะโม 3 จบ เสร็จแล้วให้ตั้งธาตุ นะ มะ พะ ทะ (๓ จบ) จะ ภะ กะ สะ (๓ จบ)เมื่อตั้งธาตุเสร็จแล้ว ให้ภาวนาคาถา ๓ จบ ดังนี้ “ อะสิสะติ ธะนูเจวะ สัพเพเต อาวุธานิจะ ภัคคะ ภัคคา วิจุนนานิ โลมังมาเม นะผุสสันติ ” สู้ไว้ข้างหน้า ไม่กล้าไว้ข้างหลัง เมตตามหานิยมไว้ขวา กันอาวุธศาสตราไว้ซ้าย แขวนคอ แก้ลมเพลมพัด อัมพาต แขน ขา ปาก คอ หลัง ลิ้นกระด้าง ถอนคุณไสยรูปรอยลงบนใบหมอน คลึงแป้งถอนคุณ คลึงปูนถอนพิษ ถอนเสา ถอนพระภูมิ ศาลเจ้า เจว็ด เสมา กำแพง เสกภาวนา สมุหะเนยยะ สะมุหะนะติ สะมุหะคะโต สีมาคะตัง พันธะเสมายัง สะมุหะนิตัพโพ เอวังเอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดลอย สวาหะ ภาวนาอภัยกรรม ให้คนเกลียดโกรธ เพ่งโทษ จองเวร ให้หายพยาบาท อาฆาตพยาเวรต่อกันแล้วดีกัน หายกัน แล. “ นะเมตตา จะมหาราชา อะเมตตา จะมหาเสนา อุเมตตา จะมหาชะนา สัพพะสิเนหา จะปะชิตาสะ สัพพะสะยัง จะมหาลาภัง ราชาโกธัง วินาสสันติ ชะนาโกธัง วินาสสันติ สัพพะโกธัง วินาส สันติ ” วิธีใช้เบี้ยแก้ ตั้งนะโม ๓ จบ อิติปิโส ภะคะวา ยาตรายามดี ได้ยามพระศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ แล้วสวดคาถาหัวใจต่อ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ พุท ธะ สัง มิ อิ สะ วา สุ ขอขอบคุณข้อมูลดีดี จากหลายหลายเพจ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ.. |
||||||||||||||||
ราคา
|
Tou Salawin | ||||||||||||||||
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
086-9210443 | ||||||||||||||||
ID LINE
|
tousalawin | ||||||||||||||||
จำนวนการเข้าชม
|
2,905 ครั้ง | ||||||||||||||||
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
|
ธนาคารทหารไทย / 322-2-62235-3
|
||||||||||||||||
|